8 มี.ค. 2556

ปลูกฟักแฟง ,,,ให้ติดผลง่ายนิดเดียว

alt=ฟักแฟง
การที่จะลงมือปลูกฟักแฟง สักต้นสองต้น นั้นเป็นเรื่องที่ง่ายมาก แต่การที่จะปลูกฟักแฟง สักต้นสองต้น แล้วมีดอกมีผล ให้ได้กินได้ทานกัน นี้ซิเป็นเรื่องน่าคิด มีคนหลายๆคนที่ปลูกฟักแฟงแล้ว มีแต่ดอกไม่มีผล ใส่ปุ๋ยให้น้ำกันอย่างเต็มที่ ต้นฟักแฟงเองก็งามจนมีดอกมากมาย แต่ถ้าเราเข้าใจธรรมชาติของฟักแฟง เรียนรู้และลงมือปฏิบัติ บวกกับเทคนิคนอกตำราเรียนเพิ่มเติม แค่นี้แหละรับรองปลูกฟักแฟง หนึ่งต้น ร้อยต้น มีผลให้ได้กิน แน่นอน

ฟักเขียว หรือ ฟักแฟง (ชื่อวิทยาศาสตร์: Benincasa hispida; อังกฤษ: winter melon) หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า "ฟัก" เป็นผักพื้นบ้านพืชล้มลุกจำพวกไม้เถาตระกูลแตงลำ ใบสีเขียวลักษณะหยักหยาบ ดอกมีสีเหลือง ผลกลมยาวมีนวลขาว ปลูกกันมากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียตะวันออก และเอเชียใต้

ฟักแฟง หรือ ฟักเขียว ในประเทศไทยมีชื่อเรียกตามท้องถิ่นต่างกันไป เช่น ภาคเหนือ - ฟักขี้หมู, ฟักจิง, มะฟักขม, มะฟักหม่น, มะฟักหม่นขม ,ภาคอีสาน - บักฟัง ,ภาคกลาง - ฟักขาว, ฟักเขียว, ฟักจีน, แฟง , ภาคใต้ - ขี้พร้า ,แม่ฮ่องสอน - มะฟักหอม ,ชาวกะเหรี่ยง/แม่ฮ่องสอน - ดีหมือ, ลุ่เค้ส่า ,จีนแต้จิ๋ว - ตังกวย, ตี่จือ


การที่จะนำผลของฟักแฟง มาประกอบอาหาร หรือนำมาเป็นส่วนผสมของยา ก็ไม่ยุ่งยากอะไร เลือกฟักแฟงที่มีเนื้อแข็ง เพราะจะมีรสหวานและกรอบเมื่อนำมาปรุงอาหาร ลักษณะภายในของฟักแฟงที่ดีนั้น ควรจะมีขอบของเนื้อเป็นสีเขียวเข้มแล้วค่อย ๆ จางเป็นสีขาวจนถึงตรงกลาง ฟักแฟงสามารถเก็บรักษาได้นานเป็นเดือนหรือค่อนปี โดยมีแว็กซ์หรือขี้ผึ้งเคลือบภายนอก

คนไทยมักนำผลฟักแฟง มาประกอบอาหารในประเภท ต้ม ผัด แกงหรือนำมาทำขนมหวานในเทศกาล เมนูยอดนิยมของฟักแฟงที่รู้จักกันดี คือ แกงจืดฟักต้มกับไก่ แกงเขียวหวานไก่ฟักแฟง แกงเลียง ฟักแฟง ผัดกับหมูใส่ไข่ ฟักเชื่อม และยอดอ่อนลวกหรือต้มกะทิ กินคู่กับน้ำพริก ทั่วโลกนิยมนำผลฟักแฟงมาบริโภคทั้งแบบดิบและสุก เช่น ฟักแฟงดอง แกงเผ็ด หรือกวนแยม ฟักแฟงสามารถบริโภคได้ทั้งผลอ่อนและผลแก่ โดยผลอ่อนรสชาติจะเข้มกว่าผลแก่ มีน้ำมาก ใบอ่อนและตาดอก นำไปนึ่งหรือใส่ในแกงจืดเพิ่มรสชาติ ส่วนเมล็ดอุดมไปด้วยน้ำมันและโปรตีน โดยทำให้สุกสามารถกินได้ แต่มีข้อควรระวังสำหรับคนที่มีปัญหาทางด้านการขับถ่าย และมีอาการแน่นหน้าอก ไม่ควรรับประทาน

ด้านสรรพคุณทางยา ใบ – แก้ฟกช้ำ แก้พิษผึ้งต่อย ช่วยรักษาบาดแผล แก้โรคบิด แก้ร้อนในกระหายน้ำ แก้บวมอักเสบมีหนอง,ผล – ขับปัสสาวะ ขับเสมหะ แก้ไอ แก้ธาตุพิการ แก้โลหิตเป็นพิษ บวมน้ำ หลอดลมอักเสบ ,เมล็ด – ลดไข้ แก้ริดสีดวงทวาร แก้โรคทางเดินปัสสาวะ แก้ไตอักเสบ บำรุงผิว ละลายเสมหะ ,ราก – แก้ไข้ แก้กระหายน้ำ ถอนพิษ เถาสด – รสขมเย็น ใช้รักษาริดสีดวงทวาร มีไข้สูง ,เปลือก – บำบัดอาการบวมน้ำ ขับปัสสาวะ แก้ท้องเสีย แผลบวมอักเสบมีหนอง

เห็นไหมครับไม่น่าเชื่อ ว่าพืชผักชนิดนี้ จะมีคุณประโยชน์มากมาย เราสามารถนำทุกส่วนของฟักแฟง มาใช้ เมื่อรู้แล้วก็รีบลงมือปลูกไว้กินเองซะ ถ้าเรามีพื้นที่สำหรับปลูกเพียงเล็กน้อย หลังจากการเตรียมแปลงปลูกเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขุดหลุมปลูก ระหว่างแถว 1-1.50 เมตร ระหว่างต้น 2-2.50 เมตร แล้วหยอดเมล็ด 2 - 3 เมล็ด / หลุม ลึกประมาณ 3-5 เซนติเมตร แล้วกลบหลุมหรือคลุมด้วยฟางแห้ง เพื่อรักษาความชื้นของดิน และรดน้ำสม่ำเสมอทุกวัน อายุ 10 - 14 วัน หรือมีใบจริง 2 - 4 ใบ ควรถอนแยกเหลือ 2 ต้นต่อหลุม

ควรให้น้ำสม่ำเสมอและเพียงพอ ไม่ควรให้ฟักแฟงขาดน้ำ โดยเฉพาะในระยะออกดอกและติดผล เพราะจะทำให้ดอกร่วง และไม่ติดผล เมื่อใกล้อายุการเก็บเกี่ยวควรเลิกการให้น้ำ( 15 วัน ก่อนเก็บผลผลิต)

ฟักแฟงเป็นพืชผักตระกูลแตง ที่มีดอกตัวผู้ ลักษณะเป็นกรวย อยู่เป็นกระจุก 5-7 ดอก และก็มีดอกตัวเมีย เป็นดอกเดี่ยว ๆ ตรงก้านดอกมีรูปร่างเป็นผลฟักแฟงเล็ก ๆ ดอกทั้งสองเพศนี้ อยู่ในต้นเดียวกัน ความพร้อมผสมพันธุ์(ผสมเกสร)ของดอกทั้งสองกับไม่พร้อมกัน คือ ดอกตัวผู้จะแก่ก่อนตัวเมียประมาณ 1-2 วัน ฟักแฟงจึงเป็นพืชผสมข้ามต้น ข้ามกิ่ง

ฟักแฟงในธรรมชาติติดผลได้เพราะอาศัยแมลง ช่วยผสมเกสรให้ และมีลมช่วยได้บ้างเล็กน้อย แต่ปัจจุบันสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ระบบนิเวศขาดสมดุล แมลงที่มีประโยชน์ต่อเกษตรกรรมลดน้อยลง โดยเฉพาะแมลงที่มีส่วนช่วยในผสมเกสรของดอกไม้ และพืชต่างๆที่ต้องอาศัยแมลงช่วยในการผสมเกสร

แต่เราไม่ต้องตกใจไป ทุกอย่างมีทางแก้ไข เมื่อกลไกของธรรมชาติไม่ทำงาน เราเองนี้แหละที่จะต้องช่วยผสมเกสรให้ฟักแฟง ถ้าเราปลูกฟักแฟงเพียงไม่กี่ต้น ขั้นตอนแรกเราต้องคอยสังเกตดูเกสรตัวเมีย และเกสรตัวผู้ ว่ามีความพร้อมหรือยัง ปากเกสรของดอกตัวเมียเริ่มเป็นมัน ส่วนตัวผู้ที่ตรงปากเกสรแก่ เป็นผงเหลือง ๆ ถ้าปลูกฟักแฟงหลายต้นก็ง่ายหน่อย จะได้มีดอกตัวผู้ให้คัดเลือกหลายๆดอก

เมื่อเราคัดเลือกดอกตัวผู้ที่สมบูรณ์ได้แล้ว ก็นำเกสรของดอกตัวผู้ ไปต่อดอกกับเกสรของดอกตัวเมีย โดยการเอาเกสรของดอกตัวผู้ มาชน(สัมผัส)เบา ๆ ที่ปากเกสรตัวเมีย เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว ควรทำตอนช่วงเวลา 9-10 โมงเช้า ถ้าไม่ผิดพลาดอะไร ดอกตัวเมียก็จะเจริญเติบโตเป็นผลฟักแฟง ต่อไป

ถ้าหากเราปลูกฟักแฟง จำนวนหลายร้อยต้น เมื่อฟักแฟงเริ่มมีดอกแล้ว การที่จะช่วยผสมเกสรให้ นั้นเป็นเรื่องที่ยาก แต่เราก็จะนำวิธีการที่จะช่วยผสมเกสรของฟักทองมาปรับใช้ นั้นก็คือใช้น้ำนมของนมวัว ที่ไม่ผ่านเกณฑ์ มาผสมกับน้ำ แล้วพ่นฉีดให้ฟักแฟง เพื่อล่อให้แมลง รวมทั้งผึ้ง มากินน้ำนมที่เกาะติดอยู่กับดอกตัวผู้และดอกตัวเมีย ซึ่งจะเป็นการผสมเกสรโดยทางอ้อมนั้นเอง …การปลูกฟักแฟง ให้ติดผลง่ายนิดเดียว จริงๆ

19 ความคิดเห็น:

ลุงหนานตา กล่าวว่า...

การปลูกฟักแฟง

ลุงหนานตา กล่าวว่า...
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ลุงหนานตา กล่าวว่า...

ขอบคุณสำหรับข้อมูลมากครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณมากๆ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

สุดยอดไปเลยครับ

กู้ภัยสว่าง by เมตตา 866 กล่าวว่า...

ขอบพระคุณสำหรับข้อมูลที่ดีมากเลยครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เดี๋ยวจะลองทำตามบ้าง ว่าจะได้ผลจริงปะ ขอบคุณมากคะ

Unknown กล่าวว่า...

นมที่ส่งไม่ได้ฉีดเพื่อล่อผึ้งขอยกย่องความคิดนี้จิงๆ สุดยอด

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ใช้อัตราส่วนผสมเท่าไหร่ครับ.

Unknown กล่าวว่า...

กำลังปลูก 4 ไร่ กว่า ได้ใบ 3-4 ใบ หน้าฝนเขาบอกดูแลยาก ขอคำแนะนำด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ ราคา ดีไหม

อัฒพล ทองสุข กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ


ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เมื่อออกผลแล้วนานแค่ไหนเก็บได้ หรือดูยังไงว่าผลเก็บได้แล้ว

Unknown กล่าวว่า...

ติดผลแล้วเน่าเสียมีวิธีแก้ไขไหมครับ

Unknown กล่าวว่า...

ไม่มีความรู้ในการปลูกจริงๆอยากทราบการปลูกเบื้องต้นครับ

Unknown กล่าวว่า...

ฟักแฟงที่บ้านติดเป็นผลเล็กค่ะ แต่เน่า ทำไงดีคะ

Unknown กล่าวว่า...

ฟักแฟงที่เราปลูกดอกสีขาวคือพันธุอะไร

Unknown กล่าวว่า...

ดอกตัวเมียไม่ได้ผสมเกสรค่ะเลยไม่ติดผล

Unknown กล่าวว่า...

แฟง1ไร่ผลผลิตได้ประมาณกี่ตันได้ครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

อ่านเพลินเลยมีประโยชน์มากครับ กำลังจะปลูกอยู่เหมือนกัน

แสดงความคิดเห็น