22 ม.ค. 2556

สะเดาน้ำปลาหวาน สุดยอด สะเดาน้ำพริกป่น สุดแซบ

alt=ดอกสะเดา
ทำไมสะเดาจึงมันและทำไมสะเดาจึงขม อันที่จริงรสชาติของสะเดาทั้งสองชนิด ไม่แตกต่างกันมากนัก หลายๆท่านที่ชอบกินสะเดา ก็มักจะเลือกการกินสะเดา กับน้ำปลาหวานใส่กุ้งเผา และก็กินกับปลาดุกย่าง เพื่อหลีกเลี่ยงความขมของสะเดา ทั้งที่รสชาติความขมของสะเดาถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง

สมัยเด็กๆ ผมมักจะไปเที่ยวบ้านคุณย่า และที่บ้านของคุณย่า จะมีต้นสะเดาอยู่หลายต้น ผมไปหลายครั้งหลายหน ก็ยังไม่มีโอกาสได้ลิ้มลองรสชาติของสะเดาสักที และเมื่อผมเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่หก ก็จะไปกราบลาคุณย่า เพื่อที่จะเดินทางไปเรียนต่อในเมือง คราวนั้นแหละที่ผมได้กินสะเดาเป็นครั้งแรกในชีวิต คำแรกขณะกำลังเคี้ยวสะเดาอยู่ในปาก รสชาติของยอดสะเดา…ขมจะบอกใคร ขมจริงๆๆ

สมัยนั้นไม่รู้หรอกว่า สะเดามันกับสะเดาขม ต่างกันอย่างไร กินกี่ทีกินกี่ครั้ง ก็มีความรู้สึกว่าสะเดานี้ขมจริงๆ ขมอย่างเดียว จะเป็นรองก็แค่ความขมของต้นบอระเพ็ด การกินของคนอีสาน ก็ไม่ได้มีอะไรมากมายนัก น้ำพริกป่น กับ ปลาร้าสับ ใส่ตะไคร้ซอยสักหน่อย แค่นี้ ก็อร่อยแบบติดดิน


บางทีก็นึกเสียดายแทน สำหรับคนที่ชอบกินสะเดา แต่ไม่มีโอกาสได้ลอง ได้รู้ ได้สัมผัสความขมของสะเดา อย่างแท้จริง ดังคำพังเพย “เกลียดตัว กินไข่ เกลียดปลาไหล กินน้ำแกง”หรือเปล่าก็ไม่รู้ อยากกินสะเดา แต่กลัวความขมของสะเดา แปลกจริงๆนะคนเรา

ไม่ว่าเราจะเลือกวิธีการกินสะเดา กับน้ำปลาหวานใส่กุ้งเผา เคียงข้างปลาดุกย่าง หรือเลือกวิธีการกินสะเดา กับน้ำพริกป่น เคียงข้างปลาร้าสับ ใส่ตะไคร้ซอย ก็ตาม คุณค่าทางโภชนาการคงไม่แตกต่างกันมากนัก ตัวของสะเดาเองก็ยังให้ คุณค่าทางโภชนาการเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็น โปรตีน คาร์โบไฮเดรต แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก เส้นใย เบต้าแคโรทีน วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินซี และไนอาซิน ที่แตกต่างกัน ก็คงจะเป็นหมู่อาหารที่เติมเข้ามาไม่ว่าจะเป็น กุ้งแห้ง หรือแม้แต่ ปลาดุกย่าง เท่านั้นเอง

นอกจากนี้แล้ว สะเดายังให้สรรพคุณด้านยาสมุนไพร บำรุงธาตุไฟ สร้างภูมิต้านทานให้ร่างกาย และแก้ไข้ อีกทั้งรสขมของสะเดายังช่วยเรียกน้ำย่อย และช่วยให้ขับน้ำดีตกลงสู่ลำไส้มากขึ้น ทำให้ร่างกายเกิดความอยากอาหาร ช่วยย่อยอาหาร ช่วยให้อุจจาระละเอียดขับถ่ายคล่อง และช่วยให้นอนหลับสบายอีกด้วย

ดังนั้น ต้นสะเดา จึงเป็นพืชที่ให้ประโยชน์กับคน ได้ทุกส่วน กินก็ได้ เป็นสมุนไพรก็ดี คุณค่าแก่การอนุรักษ์ไว้ให้เป็นพืชไม้สงวน ส่งเสริมให้ปลูก บ้านละต้นสองต้น เพียงเท่านี้ ต้นสะเดาก็จะอยู่คู่เมืองไทยตลอดไป


0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น